Making Waves

9 เหตุผลทำไมเราควรเลิกใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง

9 เหตุผลทำไมเราควรเลิกใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง

สสารไม่เคยหายไปไหนเป็นคำกล่าวที่เหมาะสมที่สุดในกรณีของพลาสติก เพราะตั้งแต่เริ่มมีการผลิตพลาสติกออกมาใช้ราว 60 ปีที่แล้ว พลาสติก 6.3 พันล้านตันไม่เคยหายไปไหนจริงๆ และมีการนำมารีไซเคิลไม่ถึง 10% หมายความว่า พลาสติกกว่า 5 พันล้านตันกลายเป็นขยะสะสมอยู่ในสภาพแวดล้อม จนกลายเป็นวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของยุคนี้ แน่นอนว่าพลาสติกมีประโยชน์มากมาย และกลายเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีราคาถูก ทนทาน น้ำหนักเบา จนกลายเป็นวัสดุที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในโลก  แต่พลาสติกประเภทหนึ่งกำลังเป็นปัญหามากที่สุด และมีความจำเป็นน้อยที่สุดเช่นกัน นั่นคือพลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้ง หรือ Single-use Plastic  พลาสติกเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย และไลฟ์สไตล์แบบใหม่ของมนุษย์​ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นแต่อย่างใด  ลองนึกถึงถุงพลาสติก...

9 เหตุผลทำไมเราควรเลิกใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง

สสารไม่เคยหายไปไหนเป็นคำกล่าวที่เหมาะสมที่สุดในกรณีของพลาสติก เพราะตั้งแต่เริ่มมีการผลิตพลาสติกออกมาใช้ราว 60 ปีที่แล้ว พลาสติก 6.3 พันล้านตันไม่เคยหายไปไหนจริงๆ และมีการนำมารีไซเคิลไม่ถึง 10% หมายความว่า พลาสติกกว่า 5 พันล้านตันกลายเป็นขยะสะสมอยู่ในสภาพแวดล้อม จนกลายเป็นวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของยุคนี้ แน่นอนว่าพลาสติกมีประโยชน์มากมาย และกลายเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีราคาถูก ทนทาน น้ำหนักเบา จนกลายเป็นวัสดุที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในโลก  แต่พลาสติกประเภทหนึ่งกำลังเป็นปัญหามากที่สุด และมีความจำเป็นน้อยที่สุดเช่นกัน นั่นคือพลาสติกประเภทใช้แล้วทิ้ง หรือ Single-use Plastic  พลาสติกเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย และไลฟ์สไตล์แบบใหม่ของมนุษย์​ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นแต่อย่างใด  ลองนึกถึงถุงพลาสติก...

Coral Reefs

ขยะพลาสติกกำลังฆ่าปะการัง

ข่าวใหญ่ทั่วโลกวันนี้คืองานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Science ซึ่งพบว่าปะการังในเอเชีย-แปซิฟิก กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากขยะพลาสติกในทะเลกว่าหมื่นล้านชิ้น และมีส่วนสำคัญทำให้เกิดโรคในปะการังเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่า  นักวิทยาศาสตร์นำทีมโดย Joleah Lamb แห่งมหาวิทยาลัย Cornell และ James Cook University และคณะได้มีการเก็บข้อมูลปะการัง 159 แห่งในประเทศไทย พม่า อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยศึกษาสุขภาพของปะการังกว่า 124,000 โคโลนี พร้อมกับสำรวจการปรากฏของขยะพลาสติกที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.5 เซนติเมตร ปะการังที่ไม่พบพลาสติกมีโอกาสเป็นโรคราว 4% ในขณะที่ในปะการังที่พบขยะพลาสติกมีโอกาสเป็นโรคสูงถึง 89%...

ขยะพลาสติกกำลังฆ่าปะการัง

ข่าวใหญ่ทั่วโลกวันนี้คืองานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Science ซึ่งพบว่าปะการังในเอเชีย-แปซิฟิก กำลังถูกคุกคามอย่างหนักจากขยะพลาสติกในทะเลกว่าหมื่นล้านชิ้น และมีส่วนสำคัญทำให้เกิดโรคในปะการังเพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่า  นักวิทยาศาสตร์นำทีมโดย Joleah Lamb แห่งมหาวิทยาลัย Cornell และ James Cook University และคณะได้มีการเก็บข้อมูลปะการัง 159 แห่งในประเทศไทย พม่า อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยศึกษาสุขภาพของปะการังกว่า 124,000 โคโลนี พร้อมกับสำรวจการปรากฏของขยะพลาสติกที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.5 เซนติเมตร ปะการังที่ไม่พบพลาสติกมีโอกาสเป็นโรคราว 4% ในขณะที่ในปะการังที่พบขยะพลาสติกมีโอกาสเป็นโรคสูงถึง 89%...

เปลี่ยนโลกด้วย Lifestyle กับ กรณิศ ตันอังสนากุล

เปลี่ยนโลกด้วย Lifestyle กับ กรณิศ ตันอังสนากุล

"เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกด้วยวิธีเดียวกับที่เราสร้างปัญหาขึ้นได้.. เราต้องเริ่มด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง ละความสะดวกสบายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป และที่สำคัญคือเราต้องมีความตระหนักรู้ก่อน ว่าชีวิตประจำวันเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง เราต้องให้ความหวังกับตัวเอง และกับทุกคนว่าเราต้องเริ่มเปลี่ยนแล้ว ทันไม่ทันเราก็ทำเต็มที่ของเรา" กรณิศ ตันอังสนากุล  เชื่อหรือไม่ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือมีส่วนทำให้กอริลล่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และการแปรงฟันอาจทำให้ป่าถูกทำลาย? หลายปีที่ผ่านมา ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อร้อนแรงระดับสากล เมื่อมนุษย์ใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศรอบตัวโดยปราศจากการตรึกตรอง โลกจึงส่งสัญญาณเตือนแก่ผู้อาศัยในรูปแบบมหันตภัยทางธรรมชาติ ทั้งภาวะโลกร้อน ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง และการเสื่อมโทรมของทรัพยากร สร้างผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของสรรพชีวิตบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินอย่างถ้วนทั่ว ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถูกจับตามองในฐานะต้นเหตุของปัญหา แต่กิจกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ก็ส่งเสริมการทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ไม่แพ้กัน มาวันนี้ การดูแลรักษาสมบัติจากธรรมชาติคือหน้าที่ของทุกคน การบ่มเพาะ ‘ไลฟ์สไตล์’ เพื่อโลกอันยั่งยืนจึงเป็นกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของเราสร้างปัญหาอย่างไร...

เปลี่ยนโลกด้วย Lifestyle กับ กรณิศ ตันอังสนากุล

"เราไม่สามารถเปลี่ยนโลกด้วยวิธีเดียวกับที่เราสร้างปัญหาขึ้นได้.. เราต้องเริ่มด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง ละความสะดวกสบายไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป และที่สำคัญคือเราต้องมีความตระหนักรู้ก่อน ว่าชีวิตประจำวันเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง เราต้องให้ความหวังกับตัวเอง และกับทุกคนว่าเราต้องเริ่มเปลี่ยนแล้ว ทันไม่ทันเราก็ทำเต็มที่ของเรา" กรณิศ ตันอังสนากุล  เชื่อหรือไม่ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือมีส่วนทำให้กอริลล่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และการแปรงฟันอาจทำให้ป่าถูกทำลาย? หลายปีที่ผ่านมา ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อร้อนแรงระดับสากล เมื่อมนุษย์ใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศรอบตัวโดยปราศจากการตรึกตรอง โลกจึงส่งสัญญาณเตือนแก่ผู้อาศัยในรูปแบบมหันตภัยทางธรรมชาติ ทั้งภาวะโลกร้อน ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง และการเสื่อมโทรมของทรัพยากร สร้างผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของสรรพชีวิตบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินอย่างถ้วนทั่ว ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถูกจับตามองในฐานะต้นเหตุของปัญหา แต่กิจกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ก็ส่งเสริมการทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ไม่แพ้กัน มาวันนี้ การดูแลรักษาสมบัติจากธรรมชาติคือหน้าที่ของทุกคน การบ่มเพาะ ‘ไลฟ์สไตล์’ เพื่อโลกอันยั่งยืนจึงเป็นกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันของเราสร้างปัญหาอย่างไร...

ครีมกันแดดไม่ทำร้ายปะการัง

ครีมกันแดดแบบไหนไม่ทำร้ายปะการัง

ข่าวใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วในแวดวงปะการังคือ งานวิจัยใหม่ที่ยืนยันว่าสารเคมีหลายชนิดที่พบในครีมกันแดดมีส่วนทำให้แนวปะการังเสื่อมโทรมลง เพราะสารเคมีเหล่านั้นฆ่าปะการังวัยอ่อน ทำลาย DNA จนปะการังไม่ขยายพันธุ์ และยังทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวอีกด้วย นั่นหมายความว่า เราทุกคนที่ใช้ครีมกันแดดยามเที่ยวทะเลมีส่วนทำร้ายปะการัง งานวิจัยชิ้นนี้เปิดตัวออกมาในช่วงที่กำลังเกิดปรากฎการณ์ฟอกขาวระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุดที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2014 จนถึงช่วงกลางปี 2016 สร้างความเสียหายให้กับปะการังทั่วโลกโดยเฉพาะที่ออสเตรเลีย จึงยิ่งเกิดคำถามสำคัญว่ามนุษย์จะช่วยปะการังปรับตัวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้อย่างไรบ้าง หรือเราทุกคนกำลังยิ่งซ้ำเติมแนวปะการังที่กำลังอ่อนแอปางตาย งานวิจัยชิ้นใหม่ยืนยันว่าสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในครีมกันแดดมีส่วนทำให้ปะการังเสื่อมโทรมลงได้ เพราะฆ่าตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้เกิดปะการังฟอกขาว ภาพโดย ดร.ทนงศักดิ์ จันทร์เมธากุล นักวิจัยประมาณว่าทุกปีมีครีมกันแดดมากถึง 14,000 ตัน ที่นักท่องเที่ยวใช้ถูกชะล้างลงสู่แนวปะการังในทะเล นอกจากนี้ยังมีครีมและเครื่องสำอางเป็นจำนวนมากปนเปื้อนออกมากับท่อระบายน้ำหลังจากเราชำระล้างร่างกาย คาดกันว่าอาจมีปะการังมากถึง 1 ใน10 ของโลกที่กำลังถูกคุกคามด้วยสารเคมีเหล่านี้ เพราะแนวปะการังส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสำคัญที่มีกิจกรรมของมนุษย์ สารเคมีที่นักวิจัยพบว่าฆ่าปะการังและทำให้ปะการังฟอกขาว คือ Oxybenzone (Benzophenone-3,...

ครีมกันแดดแบบไหนไม่ทำร้ายปะการัง

ข่าวใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วในแวดวงปะการังคือ งานวิจัยใหม่ที่ยืนยันว่าสารเคมีหลายชนิดที่พบในครีมกันแดดมีส่วนทำให้แนวปะการังเสื่อมโทรมลง เพราะสารเคมีเหล่านั้นฆ่าปะการังวัยอ่อน ทำลาย DNA จนปะการังไม่ขยายพันธุ์ และยังทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวอีกด้วย นั่นหมายความว่า เราทุกคนที่ใช้ครีมกันแดดยามเที่ยวทะเลมีส่วนทำร้ายปะการัง งานวิจัยชิ้นนี้เปิดตัวออกมาในช่วงที่กำลังเกิดปรากฎการณ์ฟอกขาวระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุดที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2014 จนถึงช่วงกลางปี 2016 สร้างความเสียหายให้กับปะการังทั่วโลกโดยเฉพาะที่ออสเตรเลีย จึงยิ่งเกิดคำถามสำคัญว่ามนุษย์จะช่วยปะการังปรับตัวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้อย่างไรบ้าง หรือเราทุกคนกำลังยิ่งซ้ำเติมแนวปะการังที่กำลังอ่อนแอปางตาย งานวิจัยชิ้นใหม่ยืนยันว่าสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในครีมกันแดดมีส่วนทำให้ปะการังเสื่อมโทรมลงได้ เพราะฆ่าตัวอ่อนปะการัง ขัดขวางระบบสืบพันธุ์ และทำให้เกิดปะการังฟอกขาว ภาพโดย ดร.ทนงศักดิ์ จันทร์เมธากุล นักวิจัยประมาณว่าทุกปีมีครีมกันแดดมากถึง 14,000 ตัน ที่นักท่องเที่ยวใช้ถูกชะล้างลงสู่แนวปะการังในทะเล นอกจากนี้ยังมีครีมและเครื่องสำอางเป็นจำนวนมากปนเปื้อนออกมากับท่อระบายน้ำหลังจากเราชำระล้างร่างกาย คาดกันว่าอาจมีปะการังมากถึง 1 ใน10 ของโลกที่กำลังถูกคุกคามด้วยสารเคมีเหล่านี้ เพราะแนวปะการังส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลสำคัญที่มีกิจกรรมของมนุษย์ สารเคมีที่นักวิจัยพบว่าฆ่าปะการังและทำให้ปะการังฟอกขาว คือ Oxybenzone (Benzophenone-3,...

โลกที่(เต่า)ผู้ชายกำลังจะสูญพันธุ์

โลกที่(เต่า)ผู้ชายกำลังจะสูญพันธุ์

งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่าปรากฏการณ์โลกร้อนได้ทำให้ประชากรเต่าตนุ หรือ Green Sea Turtle: Chelonia Mydas ใน Great Barrier Reef กลายเป็นตัวเมียเกือบทั้งหมด หรือประมาณ 99% แล้ว  นักวิทยาศาสตร์เป็นกังวลว่าสัดส่วนระหว่างเพศที่ผิดปกติเช่นนี้จะคุกคามประชากรเต่าทะเลในอนาคตอันใกล้ เต่าทะเลเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อุณหภูมิเป็นตัวกำหนดเพศของตัวอ่อน ซึ่งสัดส่วนของเต่าตัวเมียจะสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิของชายหาดที่วางไข่สูงขึ้น  งานวิจัยล่าสุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง NOAA California State University และ WWF Australia ตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology โดยได้ศึกษาประชากรเต่าที่มีลักษณะแตกต่างทางพันธุกรรมสองกลุ่มใน...

โลกที่(เต่า)ผู้ชายกำลังจะสูญพันธุ์

งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่าปรากฏการณ์โลกร้อนได้ทำให้ประชากรเต่าตนุ หรือ Green Sea Turtle: Chelonia Mydas ใน Great Barrier Reef กลายเป็นตัวเมียเกือบทั้งหมด หรือประมาณ 99% แล้ว  นักวิทยาศาสตร์เป็นกังวลว่าสัดส่วนระหว่างเพศที่ผิดปกติเช่นนี้จะคุกคามประชากรเต่าทะเลในอนาคตอันใกล้ เต่าทะเลเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อุณหภูมิเป็นตัวกำหนดเพศของตัวอ่อน ซึ่งสัดส่วนของเต่าตัวเมียจะสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิของชายหาดที่วางไข่สูงขึ้น  งานวิจัยล่าสุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง NOAA California State University และ WWF Australia ตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology โดยได้ศึกษาประชากรเต่าที่มีลักษณะแตกต่างทางพันธุกรรมสองกลุ่มใน...